Blur คือตลาดซื้อขาย NFT สำหรับนักเทรดมืออาชีพที่ผสมความเป็น Aggregator เข้าไปด้วย มีจุดเด่นเรื่องความเร็วและเครื่องมือ Analytics ต่างๆ ช่วยให้ซื้อขายได้ง่าย รวดเร็วมีประสิทธิภาพมากขึ้น ปัจจุบันสามารถซื้อขายได้แค่ NFT บนบล็อกเชน Ethereum เท่านั้น

ตลาดซื้อขาย NFT น้องใหม่ Blur ถือว่ามาแรงสุดๆ ปัจจุบันยอดซื้อขายแบบ 7 วันแซงหน้า OpenSea ไปแล้ว และแบบ 30 วันก็ตามหลังนิดเดียว มาเจาะลึกกันว่าตลาด NFT ใหม่นี้มันน่าสนใจยังไง เหมาะกับใคร แล้วมีอะไรที่ดีกว่าทาง OpenSea เจ้าตลาดปัจจุบันบ้าง

Blur คืออะไร

Blur เป็นตลาดซื้อขาย NFT ผสมกับความเป็น Aggregator ไปในตัว มีจุดเด่นด้านระบบ Advanced analytics ช่วยวิเคราะห์การซื้อขายต่างๆ และระบบจัดการพอร์ตเช่นบอกเลยว่าราคานี้ซื้อมาเท่าไร คนยื่นปัจจุบันเท่าไร เพื่อให้ซื้อขายได้ง่ายขึ้น ปัจจุบันรองรับแค่บล็อกเชน Ethereum โดยมีวาฬ NFT นักเทรดชื่อดังหลายๆรายเป็นผู้คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง

ท้าชิงเป็นที่ 1 ด้านตลาด NFT

ตลาด Blur เพิ่งทำการตลาดครั้งใหญ่ แจก​ Blur Token คนไทยบางคนกลายเป็นเศรษฐีในชั่วพริบตาเลยทีเดียว แม้ว่ามันจะทำให้ราคาเหรียญเพิ่มขึ้นและตกลงมา 85% ในวันเดียว เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาสถิติชี้มียอดกระเป๋าถึง 8,798 Address และเกิดการโอนกว่า 18,900 ครั้ง ทำมามันกลายเป็นคู่แข่งของ OpenSea ได้ในทันที

นอกจากจะมาแรงแล้วยังท้าชิงกับ OpenSea เลย โดยออกโปรโมชั่นสำหรับคอลเลกชันไว้ว่า หากใครบล็อก OpenSea ก็จะได้ Royalty Fee ไปเต็มๆด้วย

ประวัติของ Blur

ปล่อยมาเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2022 Blur เป็นตลาดที่น้อยคนจะรู้จักแต่ปริมาณซื้อขายนั้นติด Top 20 มานานแล้ว นอกจากนี้ตลาดยังได้เงินทุนสนับสนุนจากกองทุนหลายแห่งเช่น Paradigm ช่วงแรกๆเปิดให้สมัครในรูปแบบ Waitlist ไม่นานเปิดตัวแค่ 3 วันก็มีปริมาณผู้ใช้ทะลุ Gem แล้ว

แซงหน้า OpenSea หลังเปิดมาแค่ 5 เดือน

จากข้อมูลบน DappRadar ปริมาณซื้อขายของ Blur ในช่วง 7 วันทำได้ราวๆ 142.24 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่า OpenSea ที่ทำได้แค่ 93.7 ล้านดอลลาร์ ถือว่าทำได้เยอะกว่ามาก และหากไปดูช่วง 30 วันจากต่างกันแค่นิดเดียวคือทำได้ 417.7 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่ทาง OpenSea ทำได้ที่ 447.2 ล้านดอลลาร์

ฟีเจอร์ต่างๆบน Blur

ก่อนอื่นเลยในการเริ่มต้นจะต้องมีกระเป๋าดิจิทัลอย่าง MetaMask, WalletConnect, Coinbase Wallet ที่ทำการรองรับอยู่ มันจะบังคับให้เชื่อมก่อนถึงเข้าไปได้ มาดูกันดีกว่าว่าฟีเจอร์เด็ดๆมีอะไรบ้าง เหมาะไปซื้อขายกันไหม

1. ความเร็ว

เวลาซื้อขายความเร็วเป็นเรื่องสำคัญ Blur ขึ้นชื่อว่าเป็น NFT Aggregator และตลาด NFT ที่เร็วสุดในปัจจุบัน สร้างมาเพื่อชูเรื่องนี้โดยเฉพาะทำให้นักซื้อสามารถ Snipe NFT แข่งกับคนอื่นได้ทัน

2. กวาดหรือ Sweep

หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า ‘Sweep the floor!’ หรือกวาดซื้อ NFT ในราคาพื้น ฟีเจอร์นี้จะอนุญาตให้ผู้ใช้งานซื้อ NFT ราคาพื้นปริมาณมากๆได้ ตลาดสร้างมาเพื่อซัพพอร์ตฟังก์ชันนี้โดยเฉพาะเพราะ Blur มีชาร์ตสำหรับราคาพื้นในแต่ละคอลเลกชัน ทำให้นักซื้อขายคาดเดาราคาได้ นอกจากนี้ยังมีบอทที่ตรวจจับ NFT ที่ถูกขโมยหรือถูกสงสัย ได้อย่างดีด้วย

3. เลือกลิสต์ได้หลายแบบ

ปัจจุบันเป็นมาตรฐานไปแล้วว่าตลาด NFT ต้องลิสต์ได้หลายแบบ Blur เปิดให้ทำได้ตั้งแต่ ตั้งได้เลยปกติ ลิสต์ให้ซื้อราคาพื้นของคอลเลกชัน ลิสต์ให้ซื้อราคาพื้นของลักษณะ ลิสต์ให้ซื้อหมู่ปรับราคาตามขั้นบันได และอีกมาก นอกจากนี้พวกฟีเจอร์ลิสต์ยังถูกเสริมด้วยข้อมูลวิเคราะห์ต่างๆให้ขายได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

4. ดูพอร์ตได้ง่าย

เป็นจุดเด่นที่ผู้ขายชอบกันเลย ในพอร์ตนั้นจะเห็นราคาพื้น ความแรร์ ราคาที่ลิสต์อยู่ ไปจนถึงราคากับวันเราซื้อมาด้วย นอกจากนี้ยังสามารถดูกิจกรรมต่างๆตามคอลเลกชันช่วยให้เห็นภาพรวมได้ง่ายขึ้น

5. ค่าธรรมเนียมตลาด 0%

ในปัจจุบัน Blur ไม่มีค่าธรรมเนียมตลาด ในขณะที่ทาง OpenSea คิดมากถึง 2.5% และทาง LooksRare คิด 1.5% ซึ่งทางตลาดบอกว่าบังคับให้ทุกคนจ่าย Royalty Fee แล้วทางตลาดยอมไม่เท่าค่าธรรมเนียมตลาดแทน

6. เลือกเปอร์เซ็นต์จ่าย Royalty Fee ได้

Blur บอกว่าตนเองเป็นตลาดที่บังคับให้จ่าย Royalty Fee เริ่มต้นที่ 0.5% หากไปดูตอนที่จะลิสต์บนตลาด สามารถตั้งเปอร์เซ็นต์ได้ว่าจะจ่าย Royalty Fee เท่าไร และยังเปรียบบเทียบให้เห็นเลยว่า OpenSea คิดเท่าไร LooksRare คิดเท่าไร ทำให้ชัดเจนว่าพอขายไปแล้วเงินที่ได้มาจะสูงกว่า

7. เพิ่มเรื่อง Liquidity ในอนาคต

หลายๆตลาด NFT แม้จะมีจุดเด่นพอโตมาได้ระยะนึงก็ติดเรื่องสภาพคล่องกัน ทางตลาด Blur ได้บอกว่าในอนาคตจะมีฟีเจอร์ใหม่ออกมาเพื่อแก้ปัญหานี้ รวมถึงจะการออกเหรียญ​ Blur ด้วย ซึ่งก็ปล่อยออกมาแล้วและแจก Airdrop ไปกันเพียบ! ก็ต้องรอดูกันว่าตลาด NFT ที่ถูกซัพพอร์ตโดยวาฬ NFT ตัวจริงระดับโลกหลายๆคนจะทำออกมาได้ดีขนาดไหน

Blur ต่างจาก OpenSea อย่างไร

OpenSea เป็นตลาด NFT ชั้นนำมาหลายปี ทางตลาด Blur ได้ออกแบบในเชิงที่ดีกว่าสำหรับนักเทรดมืออาชีพ ยกตัวอย่างเช่น OpenSea จะต้องเปลี่ยนแท็ปไปมาเวลาจะดูข้อมูลของแต่ละบัญชี แต่ว่า Blur มีเครื่องมือวิเคราะห์ให้ดูได้ในหน้าเดียวเลย ยังเสริมเรื่องของ Price Feed กับ Gas Fee Tracking เข้าไปในตลาดเลยด้วย

นอกจากนี้ความเร็วนั้นเร็วกว่ามาก Blur อ้างว่าตลาดของตนอัพเดทข้อมูลทั้งหมดทุกๆ 4 วินาที ทำให้เวลาใช้ซื้อขายใช้ Blur จะชนะคู่แข่งได้