NFT Art คืองานศิลปะดิจิทัลที่ถูกยืนยันความมีอยู่บนบล็อกเชน ว่ามีเพียงชิ้นเดียวเท่านั้น ไม่สามารถคัดลอกหรือทดแทนกันได้ ในวงการศิลปะมักถูกใช้แสดงความเป็นเจ้าของงานศิลปะดิจิทัล เพื่อต่อยอดในการสร้างรายได้ สร้างคอมมูนิตี้ และกระจายงานศิลปะให้แพร่หลายมากขึ้น
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา NFT ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อวงการศิลปะ เพราะช่วยสร้างรายได้ให้กับศิลปินมากมายตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักล้านบาทผ่านการซื้อขายงานศิลปะ ผลงานดังๆทั้ง PFP กับงานศิลปะเลยอย่าง Cryptopunks, The Merge, Human One, และ Everydays - The First 5000 Days by Beeple ต่างก็ถูกซื้อขายด้วยมูลค่าเกินกว่า 10 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ยังมีเด็กอายุน้อยอีกหลายคนที่สร้างเงินหลักล้านจาก NFT Art มาแล้ว มาดูกันว่า NFT Art คืออะไรกันแน่ มีแหล่งซื้อขายที่ไหน ทำยังไง และที่สำคัญคือทำอย่างไรให้มันมีมูลค่าหลักล้าน!
สารบัญ
NFT Art คืออะไร?

NFT Art คืองานศิลปะดิจิทัลในรูปแบบ NFT ซึ่งย่อมาจาก Non-fungible Token หรือดิจิทัลอาร์ตที่สร้างขึ้นบนมาตรฐาน ERC-721 หรือมาตรฐานอื่นๆบนบล็อกเชนเพื่อเป็นสิ่งยืนยันว่าผลงาน NFT Art มีเพียงชิ้นเดียวเท่านั้น ไม่สามารถคัดลอก ทดแทน หรือแก้ไขข้อมูลบนบล็อกเชนได้ นอกจากนี้มันยังไม่ได้จำกัดแค่คำว่า 'ผลงานศิลปะ' ส่วนมากจะใช้แทนกันในหลายๆสิ่งที่สร้างขึ้นมาด้วยความสามารถทางศิลปะ เช่น ภาพวาด, โมเดล 3D, ของเล่น ฯลฯ และในการถือนั้นจะมักจะได้ยูทิลิตี้ (utility) ที่มากกว่างานดิจิทัลอาร์ตทั่วไปด้วย
เมื่อก่อนตอนที่ยังไม่มี NFT Art นั้น การซื้อขายงานศิลปะดิจิทัลกระจายไปทั่วบนเว็บไซต์โดยที่ไม่สามารถยืนยันความเป็นเจ้าของผลงานศิลปะได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามเมื่อมี NFT Art เกิดขึ้น ศิลปินหรือครีเอเตอร์สามารถเปลี่ยนภาพผลงานศิลปะไปเป็น NFT ทำให้สามารถยืนยันความเป็นเจ้าของได้ และทำเงินในรูปแบบที่มั่นคงขึ้นจาก Royalty Fee เป็นช่องทางสร้างรายได้ใหม่ๆบนโลกดิจิทัล
อ่านเพิ่มเติม: NFT Art โอกาสใหม่แห่งอนาคตสำหรับศิลปิน
NFT Art เริ่มต้น ต้องมีหรือรู้อะไรบ้าง

เนื่องจาก NFT เป็นเทคโนโลยีใหม่ การเริ่มต้น NFT Art หรือสร้างกับสะสมศิลปะในรูปแบบ NFT อาจจะงงๆสำหรับคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในโลก Web3 มาก่อนเพราะมันไม่สามารถจับต้องได้ แต่มันเป็นเจ้าของได้ มาดูหัวข้อหลักๆ หรือพื้นฐานสำหรับคนเริ่มต้นใหม่ที่ควรจะมีเตรียมตัวก่อนเข้าไปโลกของ NFT Art
เข้าใจว่า NFT Art แตกต่างจาก ศิลปะทั่วไปอย่างไร
NFT Art พูดเป็นภาษาเข้าใจง่าย เป็นผลงานศิลปะที่มีการผูกโค้ดไว้บนบล็อกเชนเพื่อยืนยันความเป็นเจ้าของ ว่าผลงานนี้เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีชิ้นเดียวในโลกและมีเราเป็นเจ้าของ คนอื่นไม่สามารถอ้างสิทธิ์การใช้ NFT Art ได้ และเจ้าของผลงานยังสามารถขายผลงานในตลาด NFT ได้ตามที่ต้องการ ในทางกลับกันงานศิลปะทั่วไปหากเป็นรูปแบบดิจิทัลก็เป็นไฟล์บนคอมพิวเตอร์ปกติ ไม่มีระบบยืนยันชัดเจนว่าใครเป็นเจ้าของ ทำให้คนอื่นสามารถอ้างสิทธิ์นำผลงานไปใช้โดยไม่ต้องยืนยันตัวก่อนได้
ยกตัวอย่างให้เห็นง่ายๆภาพลิงเบื่อ Bored Ape Yatch Club หากผลิตมา 10,000 ชิ้นแล้ว ไม่มีการยืนยันเป็นเจ้าของที่ชัดเจน แม้จะสร้างโปรเจกต์ให้มีมูลค่าสูงเท่าไรคนก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินแล้วแอบอ้างไปตั้งเป็นโปรไฟล์เท่ๆได้เลย หรือแอบไปร่วมงานสำหรับผู้ถือก็ได้ ต่างกันพอทำเป็น NFT นอกจากจะยืนยันความเป็นเจ้าของเพื่อใช้สิทธิ์ต่างๆได้แล้ว ผู้สร้างยังทำเงินได้จาก Royalty Fee ในการซื้อขายต่อผลงานของตน ทำให้โปรเจกต์อยู่ได้ยั่งยืนมากขึ้น
รู้จักและติดตั้งกระเป๋าเงินดิจิทัล
กระเป๋าเงินดิจิทัลเปรียบเสมือนที่เก็บสินทรัพย์ดิจิทัลในโลก Web3 เวลาซื้อขาย NFT Art ก็จะต้องใช้มันเป็นตัวกลางทั้งโอนเงินคริปโตที่เก็บไว้เพื่อจ่าย และนำ NFT Art ที่ได้กลับมาเก็บไว้ในนี้ หากใครไม่รู้จักเลยลองไปสมัคร MetaMask เพื่อลองใช้งานก่อนก็ได้ จะเป็นที่นิยมแพร่หลายมากที่สุด อย่างไรก็ตามในแต่ละบล็อกเชนกับตลาดก็จะมีกระเป๋าเงินดิจิทัลให้ใช้ต่างกัน ต้องศึกษาให้ดีว่าใช้อะไร ต้องสมัครอันไหน นอกจากนี้ต้องดูด้วยว่าต้องเตรียมคริปโตไว้บ้างไหมเพื่อ Mint งาน ขึ้นอยู่กับว่าตลาดที่ไปลงให้ Mint สร้างผลงานได้ฟรีเลยหรือเปล่า
การเลือกบล็อกเชนกับตลาดที่จะอยู่ให้ถูกต้อง
การเลือกบล็อกเชนที่จะอยู่นั้นสำคัญมาก เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ศิลปินหลายๆคนมองข้ามไป ในบล็อกเชนที่มีโปรเจกต์ดีดีอยู่มาก นักสะสมก็จะเข้ามามาก คอลเลกชันเก่าเติบโต คอลเลกชันใหม่พยายามเข้ามา เป็นวัฎจักรที่ดี แต่ก็มีการแข่งขันที่สูง เช่น Etherem กับ Polygon เป็นต้น ส่วนบล็อกเชนที่ไม่ได้เด่นสำหรับ NFT Art หรือมีโปรเจกต์ดีดีอยู่น้อย อาจโตได้น้อยกว่า การแข่งขันก็น้อยตามเช่นกัน อย่างคนไทยจะชอบไป NEAR หรือ Optimism กัน เป็นกลยุทธที่เหมาะสมต่างกันในแต่ละโปรเจกต์
ในเรื่องของตลาด NFT Art จะคล้ายๆกัน ศิลปินส่วนมากชอบตามกระแสเช่น Crypto.com ดังก็จะแห่กันไปขายผลงานศิลปะบนนั้น แต่หากไปดูศิลปินที่ประสบความสำเร็จมากแล้วมักจะมีจุดยืนกับตัวตนที่ชัดเจน และการเลือกตลาด NFT ก็เหมือนการเข้าถึงกลุ่มลูกค้ากับคอมมูนิตี้ที่ถูกต้องของตนนั่นเอง
NFT Art ทำยังไงและขายยังไง

การเริ่มต้นสร้าง NFT (Non-fungible Token) ขายนั้น ก่อนอื่นเลยเริ่มที่การสร้างผลงานศิลปะก่อน ไม่ว่าจะเป็นภาพวาด, งาน 3D, PFP, ของเล่น หรือสิ่งที่เรามีความสามารถในการทำมันออกมาได้ดี จากนั้นจะเป็นการเลือกตลาด NFT ที่เหมาะสมหรือบางคนก็จะแนะนำให้เลือกจากตัวบล็อกเชนก่อน ไปจนถึงการโปรโมท ขั้นตอนในภาพรวมจะมีดังนี้
1. สร้างสรรค์ผลงาน
สร้างสรรค์ผลงาน NFT Art เป็นไฟล์ดิจิทัลในแบบที่ต้องการ อาจจะเป็นการวาดผลงานศิลปะทีละชิ้น หรือทำเป็น Generative Art สร้างแต่ละส่วนแล้วมาสุ่มประกอบกันก็ได้ อย่างที่บอกไป NFT Art ไม่ใช่เป็นได้แค่เพียงภาพวาด ผลงานของศิลปิน NFT คนไทยแต่ละคนก็จะมีเอกลักษณ์ต่างกัน นักสะสมก็ถูกใจในรูปแบบแตกต่างกันออกไป
2. เลือกตลาด NFT ที่เหมาะสม
ตลาด NFT จะแบ่งได้ง่ายๆเป็น 2 ประเภทคือ ตลาดที่คัดสรรสูงกับตลาดที่เน้นบริการตนเอง ตัวอย่างของตลาดที่คัดสรรสูงคือ SuperRare จะคัดแค่ผลงานของศิลปินดังหรือผลงานหายากมาลง ตลาดแนวนี้เหมาะกับคนที่มีชื่อเสียง ขายชิ้นนึงแพงๆ ส่วนตลาดบริการตนเองก็เช่น OpenSea สามารถลงงานเองได้เลย ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย จะขาย NFT Art ผลงานเดียวก็ได้หรือเป็นคอลเลกชันก็ได้
3. สร้างกระเป๋าเงินดิจิทัล
การเป็นเจ้าของผลงาน NFT Art ได้จะต้องมีที่เก็บก่อน หากใครยังไม่มีแนะนำให้สมัคร MetaMask จะเป็นกระเป๋าที่มักใช้กันตอนเริ่มต้นเพราะใช้งานง่ายและมีความปลอดภัยสูง ผลงานที่สร้างไว้ต่างๆเมื่อถูกขายแล้วเงินก็จะถูกโอนเข้ามาในกระเป๋าดิจิทัลที่เราตั้งไว้นั่นเอง
4. สร้าง NFT ผ่านการอัพโหลดผลงาน
ในตอนนี้เรามีงานศิลปะที่จะขายกับกระเป๋าเงินดิจิทัลแล้ว จากนั้นให้นำผลงานไปอัพโหลดบนตลาด NFT ที่เลือกไว้ ส่วนมากตลาดจะทำระบบรองรับไว้อยู่ให้แล้วมันถูกสร้างหรือเตรียมสร้างเป็น NFT โดยอัตโนมัติ แล้วเมื่อผลงานได้รับความสนใจ มีผู้ซื้อ ก็จะทำเงินให้ศิลปินได้นั่นเอง
5. ตั้งโปรไฟล์ศิลปิน
หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า "คนซื้อ NFT Art ที่ศิลปิน ไม่ใช่ที่ผลงาน" คงจะจริงส่วนนึงและจริงกับนักสะสมหลายๆคน หากศิลปินดีและพยายามสร้างแบรนด์ของตนไปเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่ผลงานนี้จะถูกใจ ในอนาคตผลงานชิ้นนี้ก็จะมีมูลค่าสูงขึ้นไปด้วย ในขั้นตอนนี้ให้ตั้งโปรไฟล์ศิลปิน อย่าลืมว่าทุกอย่างที่เขียนลงไปคนจะเข้ามาอ่านเป็นช่องทางศึกษาว่าผลงานที่นักสะสมสนใจ ใครเป็นคนทำกันแน่
6. ลิสต์ขายในตลาด
กลยุทธในการขาย NFT Art หรือผลงานศิลปะของแต่ละศิลปินนั้นต่างกัน บางโปรเจกต์สร้างคอมมูนิตี้ก่อน บางโปรเจกต์เน้นโฆษณาหลักๆไปเลย บางโปรเจกต์เน้นกลุ่มเฉพาะต่อยอดจากแบรนด์ที่พวกเขามีดังอยู่แล้ว สิ่งพวกนี้ทำไปเพื่อให้คนเข้าใจมูลค่าของ NFT ที่สร้างขึ้น เมื่อพร้อมแล้วก็ได้เวลาลิสต์ขายในตลาดได้
NFT Art ขายงานที่ไหน เว็บไหนดี
แหล่งซื้อขายผลงาน NFT Art ที่ดีสุด ทาง NFT Easy ได้เคยรวบรวมเว็บไซต์ขาย NFT Art นิยมสุดในปัจจุบันไว้แล้ว หากใครอยากได้ข้อมูลละเอียดลองไปอ่านกันได้ อย่างไรก็ตามเทรนด์ของ NFT Art เปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก การซื้อขายหรือช่องทางซื้อขายงานศิลปะก็เช่นกัน หากเลือกตลาด NFT Art ที่เหมาะกับโปรเจกต์ได้ก็จะเพิ่มโอกาสทำรายได้ให้สูงขึ้น
OpenSea - เหมาะกับการซื้อขาย NFT Art ทุกประเภท เป็นตลาดที่คนนิยมมากที่สุด
MakersPlace - เน้นงานศิลปะพิเศษและหายากจากทั่วโลก ศิลปินต้องได้รับเชิญเท่านั้น
SuperRare - แหล่งซื้อขาย NFT Art สำหรับศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับโลก
Nifty Gateway - ตลาดระดับพรีเมี่ยมที่เน้นความ Exclusive และ Limited ไม่เหมือนใคร
Foundation - เหมาะกับงานศิลปะสายอาร์ตเลย ไม่ต้องชื่อดัง เน้นผลงานปังๆ ปัจจุบันไม่ต้องเชิญแล้ว
Rarible - ตลาด NFT เป็นมิตรกับมือใหม่ ใช้ง่าย ลงงานฟรี ได้ แต่ปัจจุบันไม่นิยมเท่าไรแล้ว
Magic Eden - อีกหนึ่งตลาดมาแรงสาย Solana ส่วนมากจะลงแนว PFP แบบคอลเลกชันกัน
อ่านเพิ่มเติม: 7 เว็บไซต์ขายงานศิลปะ NFT ART ดีที่สุดในปี 2023
กรณีศึกษา NFT Art เงินล้าน ระดับโลก

สร้างผลงานศิลปะอย่างไรให้มีมูลค่าหลักล้าน? ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าการสร้างรายได้จากการซื้อขาย NFT Art เป็นเหตุผลนึงที่ศิลปินเข้ามาในวงการนี้ การทำ NFT นั้นแค่รู้วิธีสร้างสรรค์ผลงานไม่พอ แต่จะต้องรู้วิธีทำให้มันมีมูลค่าด้วย ความรู้ตรงนี้ยังเป็นสิ่งที่ขาดหายไปสำหรับศิลปิน NFT ไทย ทำให้ไม่เติบโตได้เท่าที่ควร ดังนั้นจะขอเสริมกรณีศึกษาของงาน NFT Art ที่ประสบความสำเร็จระดับโลก เป็นไอเดียให้ใครหลายๆคนอาจนำไปปรับใช้กัน
กรณีศึกษา 1 : Bored Ape Yatch Club
คนในวงการคงไม่มีใครไม่รู้จัก Bored Ape Yatch Club รูปลิงเบื่อ PFP ที่ทำการซื้อขายกันหลักหลายล้านบาท เปิดตัวเมื่อเดือนเมษายน 2021 โปรเจกต์นี้ขายหมดใน 12 ชั่วโมงหลังเปิดให้ทุกคนซื้อ ตอนนั้นเองมีวาฬกลุ่มนึงได้เอา Bored Ape ไปขายกับคนดังอย่าง DJ Steve Aoki ,นักบาส Josh Hart, และอีกมาก เมื่อเริ่มมีคนดังเข้ามาคนก็เริ่มอยากมาถือมากขึ้น เพราะไปร่วมงาน พูดคุย ก็จะได้เจอคนดัง และเป็นที่สนใจกับสื่อหลักมากขึ้น นอกจากนี้ทางคอลเลกชันยังจัดกิจกรรมผลักดันให้เกิดคอมมูนิตี้และยังสร้างคอลเลกชันเสริมขยายระบบนิเวศของลิงเบื่อให้มีมูลค่ามากขึ้นอีกด้วย
กรณีศึกษา 2 : Beeple
Beeple ถือได้ว่าเป็นบุคคลระดับตำนานของวงการ ผลงาน NFT ที่แพงที่สุดในโลก อย่าง Everydays: The First 5000 Days และ HUMAN ONE ก็มาจากชายคนนี้ จริงๆแล้วชื่อของเขาก็คือ Mike Winkelmann เขาเป็นนักวาดภาพตัวยงที่ฝึกวาดภาพทุกวันมากว่า 15 ปีและก็มีชื่อเสียงดังมาบ้างอยู่แล้ว ความตั้งใจในการทำ NFT นั้นเพียงแค่ต้องการขยายคำว่า Art สำหรับตนเองให้กว้างขึ้น Beeple เลยนำผลงานศิลปะ 5000 วันแรกมาประกอบกันเป็น NFT อันนึงแล้วไปประมูลใน บ้านประมูล Christie's ขายได้มากถึง 69 ล้านดอลลาร์หรือ 2,358 ล้านบาท จะเห็นได้ว่าสิ่งที่เขาทำนั้นสร้างสรรค์แปลกใหม่และมีมูลค่ามากในวงการศิลปะ เส้นทางของศิลปินชื่อดังคนนึง 5000 วันแรกอยู่บน NFT เดียว ทำให้เป็นที่สนใจทั้งในวงการและในสื่อเป็นอย่างมาก
กรณีศึกษา 3 : Azuki
คอลเลกชัน NFT สายอนิเมะที่ออกมาแรกๆคนต้องตะโกนดังๆว่า 'โคตรเท่' ความสวยและมีสไตล์ของงานทำให้มันดังหลังปล่อยตัวอย่างงานอาร์ตออกมาในเวลาสั้นๆ Azuki NFT ถูกปล่อยออกมาในช่วงเดือนมกราคม 2022 ในตอนนั้นตลาด NFT กำลังพีคอยู่ด้วยและคอลเลกชันนี้ก็กลบรัศมีของคอลเลกชันอื่นไปหมด อย่างไรก็ตามแม้จะมีปัญหาบ้างระหว่างทาง Azuki ได้สร้างคอมมูนิตี้ที่แข็งแกร่งพร้อมแฟนคลับหรือกลุ่ม DAO ที่คอยซัพพอร์ตตลอดเวลา ทำให้กลายเป็น Blue Chip อันดันต้นๆของโลกจนถึงทุกวันนี้
กรณีศึกษา 4 : 3Landers
โปรเจกต์ NFT ศิลปินไทยเคยขึ้นอันดับ 1 ของโลกมาแล้ว! จากคอนเซ็ปต์ 'ศูนย์กลางคือคอมมูนิตี้' 3Landers ได้สร้างโลกที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเองสำหรับเหล่านักฝัน ทางทีมได้ประกาศว่าจะมุ่งเน้นสร้างวัฒนธรรมกับชุมชนที่เน้นเอกลักษณ์และค่านิยมที่แข็งแกร่ง สิ่งนี้อาจจะดูเหมือนการสร้างคอมมูนิตี้ธรรมดาแต่จริงๆแล้วพวกเขาพยายามสร้างวัฒนธรรมใหม่ขึ้นมา เป็นอีกกลยุทธนึงที่แบรนด์ใหญ่ทั่วโลกใช้ๆและมันทรงพลังเอามากๆด้วย
กรณีศึกษา 5 : FEWOCIOUS
FEWOCIOUS คือวัยรุ่นข้ามเพศที่สร้างรายได้จากการขาย NFT ได้กว่า 1,700 ล้านบาท ตอนอายุเพียง 19 ปี ผลงานที่สร้างชื่อเลยก็คือ "“Hello, i’m Victor (FEWOCIOUS) and This is My Life" ที่ได้รับการประมูลกว่า 2.16 ล้านดอลลาร์ ผลงานนี้บ่งบอกถึงเรื่องราวชีวิตเมื่ออายุราวๆ 14 - 18 ปี ที่ต้องถูกให้ออกจากบ้านเนื่องจากที่บ้านรับไม่ได้จากการแปลงเพศ และต้องมาอาศัยอยู่กับปู่ย่าในลาสเวกัส เรื่องราวต่าางๆนี้ได้ถูกแสดงออกมาผ่านภาพศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์ FEWOCIOUS เป็นศิลปินอีกคนนึงที่มีสไตล์ของตนเองชัดเจน และทำให้คนรับรู้ถึงมูลค่าของมันได้
โปรแกรมสร้าง NFT ยอดนิยม
อีกหนึ่งคำถามที่ศิลปินหลายๆคนสงสัยคือโปรแกรมสร้าง NFT ใช้อันไหนดี จริงๆแล้วการสร้างผลงานศิลปะในรูปแบบ NFT ก็ใช้โปรแกรมทั่วไปนั่นแหละ ผลงานของศิลปินในไทยหลายๆท่านก็มาจากโปรแกรม Procreate ที่วาดใน iPad มาดูกันว่าโปรแกรมสร้าง NFT ยอดนิยมในปัจจุบันมีอะไรบ้าง
Procreate - ใช้วาดใน iPad เหมาะกับศิลปินมือสายวาดภาพ
Adobe Photoshop - โปรแกรมตกแต่งภาพ นำมาใช้ทำกราฟฟิกสร้างภาพ NFT ได้
NFT Creator - โปรแกรมสร้าง NFT สำหรับมือใหม่ ใช้ง่าย
Bueno - โปรแกรมสร้า NFT ปริมาณมาก (NFT Generator) เหมาะกับมือใหม่
VoxEdit - โปรแกรมสร้างวัตถุ 3D ที่นักสร้าง NFT มักใช้กัน
SketchAr - สร้าง NFT บนมือถือได้ง่ายๆ เปลี่ยนเป็น NFT ผ่านแอปได้เลย
Adobe Illustrator - โปรแกรมกราฟฟิกมืออาชีพ นิยมนำมาใช้สร้าง NFT
NightCafe - AI วาดรูป เปลี่ยนจาก Text มาเป็นรูปที่สวยงามได้
ลิสต์ข้างต้นเป็นเพียงโปรแกรมยอดนิยมเท่านั้นเพื่อให้งานต้องการเริ่มสร้างผลงานศิลปะแต่ละแบบ ศิลปะแต่ละคนก็มีความถนัดการใช้สร้างผลงานศิลปะที่แตกต่างกัน โปรแกรมอย่าง Procreate บางคนก็บอกว่าใช้ ibis Paint หรือใช้ SketchBook จะคล่องกว่า สิ่งสำคัญคือควรเลือกโปรแกรมที่เหมาะกับตนเองและเหมาะกับโปรเจกต์ เพื่อสร้างผลงานตามไอเดียออกมาให้ดีที่สุด